วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

มารยาทในการเต้นลีลาศ

มารยาททางสังคมในการลีลาศ ที่ควรทราบมีดังนี้

การเตรียมตัว
1. อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด กำจัดกลิ่นต่าง ๆ ที่น่ารังเกียจ เช่น กลิ่นปาก กลิ่นตัว เป็นต้น
2. แต่งกายให้สะอาด ถูกต้อง และเหมาะสมตามกาละเทศะ ซึ่งจะเป็นหารสร้างความมั่นใจในบุคลิกภาพของตนเอง
3. ควรใช้เครื่องสำอางที่มีกลิ่นไม่รุนแรงจนสร้างความรำคาญให้กับผู้ที่อยู่ใกล้ชิด หรือกับคู่ลีลาศของตน
4. มีการเตรียมตัวล่วงหน้าโดยการฝึกซ้อมลีลาศในจังหวะต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจในการลีลาศ
5. สุภาพบุรุษจะต้องให้เกียรติสุภาพสตรีและบุคคลอื่นในทุกสถานการณ์ และจะต้องไปรับสุภาพสตรีที่ตนเชิญไปร่วมงาน
6. ไปถึงบริเวณงานให้ตรงตามเวลาที่ระบุได้ในบัตรเชิญ

ก่อนออกลีลาศ
1. พยายามทำตัวให้เป็นกันเอง และสร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกับเพื่อนใหม่ แนะนำเพื่อน
หญิงของตนให้บุคคลอื่นรู้จัก (ถ้ามี)
2. ไม่ดื่มสุรามากจนครองสติไม่อยู่ ถ้ารู้สึกตัวว่าเมามาก ไม่ควรเชิญสุภาพสตรีออกลีลาศ
3. ไม่ควรเชิญสุภาพสตรีที่ไม่รู้จักออกลีลาศ ยกเว้นจะได้รับการแนะนำให้รู้จักกันเสียก่อน
4. สุภาพบุรุษควรแน่ใจว่าสุภาพสตรีที่ตนเชิญออกลีลาศ สามารถลีลาศจังหวะนั้น ๆ ได้หากไม่แน่ใจควรสอบถามก่อน
5. สุภาพบุรุษควรเชิญสุภาพสตรีออกลีลาศด้วยกริยาที่สุภาพ ถ้าถูกปฏิเสธก็ไม่ควรเซ้าซี้จนเป็นที่น่ารำคาญ
6. สุภาพสตรี ไม่ควรปฏิเสธเมื่อมีสุภาพบุรุษมาขอลีลาศด้วย หากจำเป็นจะต้องปฏิเสธด้วยเหตุผลใดก็ตาม จะต้องปฏิเสธด้วยถ้อยคำที่สุภาพนุ่มนวล และไม่ควรลีลาศกับสุภาพบุรุษอื่นในจังหวะที่ตนได้ปฏิเสธไปแล้ว
7. ถ้าในกลุ่มสุภาพสตรีที่นั่งอยู่มีบุคคลอื่นหรือสุภาพบุรุษอื่นนั่งอยู่ด้วย จะต้องกล่าวคำขออนุญาตจากบุคคลเหล่านั้นก่อนที่จะเชิญสุภาพสตรีออกลีลาศ
8. ก่อนออกลีลาศควรฟังจังหวะให้ออกเสียก่อน และแน่ใจว่าสามารถลีลาศในจังหวะนั้นได้
9. ไม่ควรออกลีลาศกับคู่เพศเดียวกัน

ขณะลีลาศ
1. ขณะที่พาสุภาพตรีไปที่ฟลอร์ลีลาศ สุภาพบุรุษควรเดินนำหน้า หรือเดินเคียงคู่กันไป เพื่อให้ความสะดวกแก่สุภาพสตรี และเมื่อไปถึงฟลอร์ลีลาศ ควรให้เกียรติสุภาพสตรีเดินขึ้นไปบนฟลอร์ลีลาศก่อน
2. ในการจับคู่ สุภาพบุรุษต้องกระทำด้วยความนุ่มนวลสุภาพ และถูกต้องตามแบบแผนของการลีลาศ ไม่ควรจับคู่ในลักษณะที่รัดแน่นจนเกินไป การแสดงออกที่น่าเกลียดบางอย่างพึงละเว้น เช่น การเอารัดเอาเปรียบคู่ลีลาศ เป็นต้น

3. จะต้องลีลาศไปตามจังหวะ แบบแผน และทิศทางที่ถูกต้องไม่ย้อนแนวลีลาศ เพราะจะเป็นอุปสรรคกีดขวางการลีลาศของคู่อื่น ถ้ามีการชนกันเกิดขึ้นในขณะลีลาศ จะต้องกล่าวคำขอโทษหรือขออภัยด้วยทุกครั้ง
4. ไม่สูบบุหรี่ เคี้ยวหมากฝรั่ง หรือของขบเคี้ยวใด ๆ ในขณะลีลาศ
5. ให้ความสนใจกับคู่ลีลาศของตน ความอบอุ่นเกิดขึ้นได้จากการยิ้มแย้มแจ่มใสหรือคำกล่าวชม ไม่แสดงอาการเบื่อหน่ายหรือหันไปสนใจคู่ลีลาศของคนอื่น และอย่าทำตนเป็นผู้กว้างขวางช่างพูดช่างคุยกับคนทั่วไปในขณะลีลาศ
6. ควรลีลาศด้วยความสนุกสนานร่าเริง
7. ไม่ควรพูดเรื่องปมด้อยของตนเองหรือของคู่ลีลาศ
8. ไม่ควรเปลี่ยนคู่บนฟลอร์ลีลาศ
9. ควรลีลาศในรูปแบบหรือลวดลายที่ง่าย ๆ ก่อน แล้วจึงเพิ่มรูปแบบหรือลวดลายที่ยากขึ้นตามความสามารถของคู่ลีลาศ เพราะจะทำให้คู่ลีลาศรู้สึกเบื่อหน่าย และไม่ควรพลิกแพลงรูปแบบการลีลาศมากเกินไปจนมองดูน่าเกลียด
10. ถือว่าเป็นการไม่สมควรที่จะร้องเพลงหรือแสดงออกอย่างอื่นในขณะลีลาศ หรือลีลาศด้วยท่าทางแผลง ๆ ด้วยความคึกคะนอง
11. ไม่ควรสอนลวดลายหรือจังหวะใหม่ ๆ บนฟลอร์ลีลาศ
12. ไม่ควรลีลาศด้วยลวดลายที่ใช้เนื้อที่มากเกินไป ในขณะที่มีคนอยู่บนฟลอร์เป็นจำนวนมาก
13. ในการลีลาศแบบสุภาพชน ไม่ควรแสดงความรักในขณะลีลาศ
14. การนำในการลีลาศเป็นหน้าที่ของสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีไม่ควรเป็นฝ่ายนำ ยกเว้นเป็นการช่วยในความผิดพลาดของสุภาพบุรุษ เป็นครั้งคราวเท่านั้น
15. การให้กำลังใจ การให้เกียรติ และการยกย่องชมเชยด้วยใจจริง จะช่วยให้คู่ลีลาศเกิดความรู้สึกอบอุ่นและเชื่อมั่นในตนเองยิ่งขึ้น คู่ลีลาศที่ดี จะต้องช่วยปกปิดความลับหรือปัญหาที่เกิดขึ้นและมองข้ามจุดอ่อนของคู่ลีลาศ
16. ไม่ควรผละออกจากคู่ลีลาศโดยกระทันหัน หรือก่อนเพลงจบ

เมื่อสิ้นสุดการลีลาศ
1. สุภาพบุรุษต้องเดินนำหรือเดินเคียงคู่กันลงจากฟลอร์ลีลาศ และนำสุภาพสตรีไปส่งยังที่นั่งให้เรียบร้อย พร้อมทั้งกล่าวคำขอบคุณสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษอื่นที่นั่งอยู่ด้วย
2. เมื่อถึงเวลากลับ ควรกล่าวคำชมเชยและขอบคุณเจ้าภาพ (ถ้ามี)
3. สุภาพบุรุษจะต้องพาสุภาพสตรีที่ตนเชิญเข้างาน ไปส่งยังที่พัก

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

บทที่ 1

กระบวนการสร้างเสริม และ ดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และระบบต่อมไร้ท่อ
อวัยวะทุกส่วนในร่างกายของคนเราทำงานกันอย่างเป็นระบบ ทุกระบบต่างมีความสำคัญต่อร่างกายทั้งสิ้น เราจึงควรรักษาสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ
ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และ ระบบต่อมไร้ท่อ ต่างมีความสำคัญต่อร่างกาย โดยระบบประสาทจะควบคุมและรับความรู้สึก ช่วยให้ร่างกายทำงานได้ตามต้องการ ระบบสืบพันธุ์ช่วยในการสืบทอดเผ่าพันธุ์ให้คงอยู่ และระบบต่อมไร้ท่อทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเพื่อควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ 

ความสำคัญและหลักการของกระบวนการสร้างเสริม และ ดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย
                ระบบต่างๆในร่างกายต้องพึ่งพาและทำงานร่วมกัน ระบบทุกระบบในร่างกายต้องทำงานสัมพันธ์กันหากมีอวัยวะหรือระบบใดทำงานผิดปกติ ก็จะส่งผลต่อระบบอื่นๆ ด้วย เราจึงต้องรักษาสุขภาพร่างกายของเราให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีของร่างกาย
            หลักการของกระบวนการสร้างเสริมและดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย มีแนวปฏิบัติดังนี้
1.       รักษาอนามัยส่วนบุคคล ได้แก่การรักษาความสะอาดของร่างกายเพื่อป้องกันโรคภัย
        และเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดีขึ้น
2.       บริโภคอาหารให้ถูกต้องและเหมาะสม รับประทานอาหารให้ครบหมู่ ในปริมาณที่เหมาะ ดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำ
3.       ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
4.       พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเป็นการผ่อนคลายความเครียดความเหนื่อยล้าทางกายและจิตใจ
5.       ทำจิตใจให้ร่างเริงแจ่มใส
6.       หลีกเลี่ยงอบายมุขและสิ่งเสพติดให้โทษ
7.       ตรวจเช็คร่างกาย พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้ง ชั่งน้ำหนัก ตรวจวัดความดัน



ระบบประสาท
                คือ ระบบที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานและรับความรู้สึกของอวัยวะทุกส่วน 
                ประกอบไปด้วย สมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาท
                ระบบประสาทของคนเราแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ

1.ระบบประสาทส่วนกลาง (Central nervous system) ประกอบด้วยสมองและไขสันหลัง

สมอง
        บรรจุอยู่ภายในกระโหลกศรีษะ แบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นนอกมีสีเทาเรียกว่า เกรย์ แมตเตอร์ เป็นที่รวมของเซลล์ประสาท และ แอกซอน ชนิดที่ไม่มีเยื่อหุ้ม ส่วนชั้นในมีสีขาว เรียกว่า ไวท์ แมตเตอร์ เป็นส่วนของใยประสาทที่ออกจากเซลล์ประสาทสมองแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ




1.สมองส่วนหน้า (Forebrain) ประกอบด้วย
- ซีรีบรัม (Cerebrum) เป็นสมองส่วนหน้าสุด ทำหน้าที่เกี่ยวกับ ความจำ, ความนึกคิด, ควมคุมการทำงานของร่างกายที่อยู่ใต้อำนาจจิตใจ
        - ทาลามัส (Thalamus) ทำหน้าที่ถ่ายทอดกระแสประสาทไปยังสมอง
- ไฮโพทาลามัส (Hypothalamus) ทำหน้าที่ความคุมอุณหภูมิร่างกาย กานเต้นของหัวใจ ความดันเลือด อารมณ์และความรู้สึกต่างๆ
2.สมองส่วนกลาง (Midbrain) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของลูกตาและม่านตา
3.สมองส่วนท้าย (Hindbrain) ประกอบด้วย
- ซีรีเบลลัม (Cerebellum) ทำหน้าที่ดูแลการทำงานในส่วนต่างๆของร่างกาย และ ระบบกล้ามเนื้อต่างๆ เป็นตัวรับกระแสประสาทจากอวัยวะควมคุมการทรงตัว ควบคุมการทรงตัวของร่างกาย
- พอนส์ (pons) ทำหน้าที่ควบคุมการเคี้ยวอาหาร การหลั่งน้ำลาย การหายใจ การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า
- เมดัลลา ออบลองกาตา (Medulla oblongata) ทำหน้าที่ควมคุมระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น การไอ การจาม ตอนปลายของสมองส่วนนี้ต่อกับไขสันหลัง จึงเป็นทางผ่านของกระแสประสาท

ไขสันหลัง
        เป็นส่วนที่ต่อจากสมองลงไปตามแนวช่องกระดูสันหลัง ไขสันหลังจะมีเยื่อหุ้มอยู่ 3 ชั้น และมีของเหลวบรรจุอยู่ในเยื่อหุ้ม ไขสันหลังทำหน้าที่รับกระแสประสาทจากส่วนต่างๆ ของร่างกายส่งต่อไปยังสมอง และรับกระแสตอบสนองจากสมองส่งไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย และยังควบคุมปฏิกิริยารีเฟลกซ์ โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากสมอง
            
                  2.ระบบประสาทส่วนปลาย (Peripheral nervous system) ประกอบด้วย
1.เส้นประสาทสมอง มีอยู่ 12 คู่ ทอดมาจากสมองเข้าไปเลี้ยงบริเวณศีรษะและลำคอ
2.เส้นประสาทไขสัน มีอยู่ 31 คู่ ออกจากไขสันหลังเป็นหลังเป็นช่วงๆ ไปสู่ร่าง แขน และขา
3.ประสาทระบบอัตโนมัติ เป็นระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะที่อยู่นอกอำนาจของจิตใจ

การทำงานของระบบประสาท
                การทำงานของระบบประสาทจะทำงานประสานกับระบบกล้ามเนื้อ เราสามารถเคลื่อนไหวร่างกายและทำกิจกรรมหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันได้ เพราะมีกระแสประสาทแยกการทำงานหลากหลายโดยใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที และมีการประสานงานกันอย่างดีกับกล้ามเนื้อ

การบำรุงรักษาระบบประสาท
                1.ระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนบริเวณศีรษะ
                2.ป้องกันไม่ให้เกิดโรคทางสมอง
                3.หลีกเลี่ยงยาเสพติด เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และยาที่มีผลต่อสมอง
                4.ผ่อนคลายความเครียด
                5.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์



ระบบสืบพันธุ์
            เป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มจำนวนของสิ่งมีชีวิต เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์

            อวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย


            อวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิง



การบำรุงรักษาระบบสืบพันธุ์
            1.ดูและร่างกายให้แข็งแรง
            2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
            3.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
            4.พักผ่อนให้เพียงพอ
            5.ทำความสะอาดร่างกายอย่างทั่วถึง
            6.สวมเสื้อผ้าที่สะอาด ไม่อับชื้น ไม่รัดแน่่น
            7.ไม่ใช้เครื่องนุ่งห่มร่วมกับผู้อื่น
            8.ไม่สำส่อนทางเพศ
            9.เมื่อเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะเพศควรรีบปรึกษาแพทย์



ระบบต่อมไร้ท่อ
            เป็นระบบที่ผลิตสารที่เรียกว่า ฮอรโทน เป็นต่อมที่ไม่มีท่อและรูเปิด จึงลำเลียงสารเหล่านั้นไปตามกระแสเลือด ฮอร์โมนจะทำหน้าที่ร่วมกับระบบประสาท ถ้าปริมาณฮอร์โมนมากหรือน้อยเกินไปอาจทำให่เกิดโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน คอพอก โรคที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตต่อมไร้ท่อในร่างกาย



                1.ต่อมใต้สมอง ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกายและกระดูก,ทำให้ความดันเลือด             สูง,ปัสสาวะปกติ,และการบีบตัวของมดลูก
                2.ต่อมหมวกไต ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนอะดรีนาลิน และ ฮอร์โมนควบคุมการเผาผลาญอาหาร
                3.ต่อมไทรอยด์ ทำหน้าที่หลั่ง ไทรอกซิก ซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย
                4.ต่อมพาราไทรอยด์  ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนที่ควบคุมระดับแคมเซียมในเลือดและความเป็นกรดเป็นด่าง
                5.ต่อมในตับอ่อน ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมปริมาณน้ำตาลในร่างกาย
                6.รังไข่ในเพศหญิงและอัณฑะในเพศชาย รังไข่ทำหน้าที่ผลิตไข่และสร้างฮอร์โมนเอสโทรเจนกับโพรเจสเทอโรน ส่วนอัณฑะทำหน้าที่สร้างตัวอสุจิและสร้างฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน
                7.ต่อมไทมัส ทำหน้าที่ควมคุมระบบภูมิคุ้มกัน ในช่วงแรกเกิดจะมีขนาดใหญ่และจะค่อยๆเล็กลงเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่

การบำรุงรักษาระบบต่อมไร้ท่อ
                1.ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
                2.ดื่มน้ำให้เพียงพอ
                3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
                4.ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
                5.หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ 
                6.พักผ่อนให้เพียงพอ